เอริค คันโตน่า ผู้จุดประกายความยิ่งใหญ่ของปีศาจแดง
ยอดกุนซือจอมเฮี้ยบอย่างท่าน “เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน”คือบรมกุนซือ ที่ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องยอมสยบให้ แต่นั้นไม่ใช่สำหรับ ชายที่ชื่อว่า เอริค คันโตน่า เพราะอิทธิพลของเขานั้น ถือว่ามีมากมายอย่างล้นหลามกับทีมของท่านเซอร์ ในสมัยนั้นแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่านักเตะคนนี้จะไม่ได้เคารพท่านเซอร์แต่อย่างใด มาดสุดเข้ม
ปกคอเสื้อตั้งตรง นี่คือเอกลักษณ์ที่โดดเด่นอย่างมาก “ก็องโต” คือคนที่จุดประกายความยิ่งใหญ่ให้กับ”ปีศาจแดง” อย่างปฎิเสธไม่ได้ ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงในสนามเท่านั้นเพราะอิทธิพลนอกสนาม เขาก็มีมากไม่แพ้กัน
โดยบทความนี้ Cheerball345 จะมาพาให้ท่านรู้จักกับ ศิลปินแดนน้ำหอมผู้นี้กันให้มากกว่าเดิม
ประวัติส่วนตัว “ก็องโต้ เอริค คันโตน่า”
สุดยอดนักเตะชาวฝรั่งเศสคนนี้ ที่ชื่อเต็มๆว่า “เอริก ดาเนียล ปีแยร์ ก็องโตนา” โดยเป็นชื่อในภาษาฝรั่งเศส ก็องโต้ เกิดมาเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ปี 1966 ที่เมืองมาร์แซย์xระเทศฝรั่งเศส โดยก็องโตนา เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพ กับสโมสร โอแซร์ เขาเป็นตัวหลักของทีมได้ไม่ยากเพราะมีฝีเท้าที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้วแต่สิ่งที่ทำให้ชีวิตของเขาปั่นป่วนก็คือเรื่องของอารมณ์นั่นเอง
ซึ่งชีวิตการข้าแข้งของเขา กับสโมสรในฝรั่งเศสนั้นดำเนินไปอย่างรวดเร็ว โดยนอกจากสโมสรแรกอย่างโอแซร์แล้ว เขาก็ยังได้ไปค้าแข้งกับสโมสร โอลิมปิก มาร์กเซย, บอร์กโด, มงต์เปลลิเย่ร์ และนีม ซึ่งเขาถูกแบนจาการแข่งขัน เป็นเวลา 1 เดือน เพราะขว้างบอลใส่ผู้ตัดสิน หลังจากนั้นก็ถูกแบบเพิ่มอีก 2 เดือน เพราะไปวิจารณ์ผู้ตัดสินจนทำให้ก็องโตนา ตัดสินใจแขวนสตั๊ดอย่างรวดเร็ว
แต่มีแฟนบอลพันธุ์แท้ของเขารายหนึ่งชักชวนให้เขากลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้ง โดยคราวนี้เป็นที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งก็องโตนาก็ได้มาเล่นกับสโมสร “ลีดส์ยูไนเต็ด” ในปี 1992 และเขาก็โชว์คลาสให้โลกได้เห็นทันที ด้วยการพาทีมยูงทอง คว้าแชมป์ดิวิชัน 1 ได้โดยทันที ในฤดูกาล 1991–1992 ซึ่งนั่นก็ทำให้ทีมดังอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หันมาสนใจเขาอย่างจริงจัง
“เอริค เดอะคิง” ย้ายเข้าสู่รั้ว “โอลด์ แทรฟฟอร์ด” ด้วยค่าตัวเพียงแค่ 1.2 ล้านปอนด์ เท่านั้น ซึ่งตัวเขา ก็ปรับตัวเข้ากับสโมสรใหม่ ได้อย่าวรวดเร็ว ซึ่งทำให้ผลงานส่วนตัวของเขา และผลงานของทีม ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการทำเกมที่สร้างสรรค์ และการยิงระตูที่เฉียบคม ทำให้ทีม “ปีศาจแดง” โดดเด่นขึ้นมา อย่างไม่น่าเชื่อ
หลังจากนั้นในฤดูกาลถัดมา “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ภายใต้การนำทีมของ “ก็องโตนา” ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยพวกเขาสามารถคว้าแชมป์ลีก ในปี 1993 และดับเบิลแชมป์ ในปี 1994 ซึ่งตัว “ก็องโตนา” เองนี่แหละ ที่โชว์ความโดดเด่น และทำประตูได้ จากลูกโทษที่จุดโทษ 2 ประตู ถล่มเอาชนะทีม เชลซี ไปได้ถึง 4 – 0 ในนัดชิงชนะเลิศ ของถ้วยเอฟเอคัพ
ตำนาน “กังฟูคิก” อันลือลั่น สนั่นโลก
นอกจากเรื่องของความโดดเด่นของฝีเท้า ที่ใช้ในการเตะฟุตบอลแล้ว “ก็องโตนา” ก็ยังโดดเด่นในการใช้เท้า ในการเตะคนเพิ่มเข้ามาด้วย โดยเรื่องนี้ถือเป็นวีรกรรม ที่โลกลูกหนัง จะไม่มีทางลืมมันอย่างแน่นอน เพราะเมื่อไหร่ที่ท่านเห็นนักฟุตบอล มีปัญหากับแฟนบอล สิ่งที่จะเกิดขึ้นโดยปกติ คือการมีปากเสียงกัน หรือด่ากัน แค่เท่านั้น แต่สำหรับ “ก็องโต้” แล้ว เท่านั้นมันคงไม่พอ
ในเกมที่ “ปีศาจแดง” ต้องมีคิวออกไปเยือน “คริสตัล พาเลซ” ในเดือน มกราคม ปี 1995 โดยไฮไลท์ของเกมนั้นก็คือการที่เขาถูกไล่ออกจากสนาม ซึ่งในระหว่างที่เขาเดินออกจากสนามนั้น มีแฟนบอลของ คริสตัล พาเลซ ซึ่งทราบชื่อภายหลังว่า แมตทิว ซิมมอนส์ โต้เถียงกับเขาอยู่ ซึ่งก็องโตน่าก็เดือดดาลจนไม่สามารถคุมอารมณ์ตัวเองได้ และกระโดดถีบแบบกังฟูเข้าไปเต็มดอก
จากเหตุการนั้น “ก็องโตนา” ถูกศาลสั่งจำคุกเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ก่อนศาลอุทธรณ์จะเปลี่ยนบทลงโทษ ให้ทำงานเพื่อสังคม เวลา 120 ชั่วโมงแทน ความคิดที่จะแขวนสตั๊ด เนื่องจากติดโทษแบนยาวกลับมาเยือนอีกครั้ง แต่คราวนี้ “เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” ที่ยังเชื่อมั่นในตัวเขา ก็ยังยืนกรานและขอให้เขาอยู่กับทีมต่อไป ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ดีกับอนาคตของทีมเป็นอย่างมาก
ความยิ่งใหญ่ของ “เอริก เดอะคิง” และการลาจากแบบสุดงง
“เอริก ก็องโตนา” เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ทำประตูมหัศจรรย์ได้มากมายกับการลงสนามให้กับทีม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยในฤดูกาล 1996–1997 กลายเป็นฤดูการสุดท้าย ที่เขาสามารถคว้าแชมป์ลีกได้ ซึ่งนั้นก็ถือเป็น แชมป์ลีกสมัยที่ 5 จาก 6 ปีหลังสุด ซึ่งถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก ซึ่งนั่นยังไม่ได้นับรวมกับแชมป์เอฟเอคัพ อีก 2 สมัยด้วย
แต่ลังจากที่ฤดูกาลดังกล่าวจบลง “เอริก ก็องโตนา” ก็ตกเป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง เมื่อสร้างความตกลึงให้กับทีมแฟนบอลและโลกทั้งใบ ด้วยการประกาศแขวนสตั๊ดเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ โดยณ เวลานั้น เขาเพิ่งมีอายุเพียงแค่ 30 ปี เท่านั้นเอง ซึ่งคราวนี้เขาไม่มีการเปลี่ยนใจกลับมาเล่นอีกแล้ว นั่นจึงถือเป็นการปิดตำนานอย่างยิ่งใหญ่ในแบบช็อคๆ ของ “เอริก เดอะคิง”
ชีวิตหลังจากที่เขาออกจากทีม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้น ก็คือการเข้าร่วมกันทีมชาติฝรั่งเศส ในทีมฟุตบอลชายหาด โดยถึงแม้ว่าชีวิตการค้าแข้งของเขา ในนามทีมชาติฝรั่งเศสนั้น จะไม่มีอะไรให้จดจำและไม่ได้ประสบความสำเร็จนัก แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่ทำให้ชายผู้เป็นตำนานคนนี้ เสียความมั่นใจแต่อย่างใด เขายังคงเป็นตำนานนักเตะโคตรคูล อยู่เสมอมา
สุดท้ายในปี 2004 “ก็องโต” ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราว ความยิ่งใหญ่ในอดีตที่ผ่านมา กับทีม “ปีศาจแดง” และแน่นอนว่าเรื่องนั้น ก็คือเรื่องของเหตุ ที่เขาตัดสินใจแขวนสตั๊ด แบบช็อกแฟนบอล โดยเขาให้สัมภาษณ์ว่า “ภูมิใจที่แฟนบอล ยังร้องเรียกชื่อผมอยู่ แต่ผมกลัวว่าพรุ่งนี้ พวกเขาอาจไม่ทำแบบนั้นผมรักมันมากจนกลัวที่จะต้องเสียมันไป”
ทั้งลีลาการเล่นฟุตบอล ที่สุดแสนเก่งกาจ มีความคลาสสิก ทั้งความแบดบอย ที่มีอยู่ในตัวแบบเต็มเปี่ยม ส่วนผสมเหล่านี้ทำให้ชายที่ชื่อ “เอริก ก็องโตนา” มีความเป็นนักเตะที่พิเศษกว่าใคร ซึ่งสำหรับแฟนบอลทีมปีศาจแดงแล้ว เขาถูกยกย่องให้เป็น หนึ่งในนักฟุตบอล ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของสโมสร “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ซึ่งตำนานบทนี้ ของ “เอริก เดอะคิง” จะอยู่คู่กับโลกฟุตบอลไปอีกนานเท่านาน
รางวัลในระดับสโมสร
ลีดส์ยูไนเต็ด
- แชมป์ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 1991 – 1992
- เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์: 1992
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
- แชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 1992–93, 1993–94, 1995–96 และ 1996–97
- แชมป์ เอฟเอคัพ ฤดูกาล 1993–94 และ 1995–96
- แชมป์ เอฟเอ คอมมิวนิตีชีลด์ ฤดูกาล 1993, 1994 และ 1996
รางวัลส่วนตัว
- อันดับที่ 3 บัลลงดอร์ ปี 1993
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำปี พีเอฟเอ ปี 1994
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี สมาคมผู้สื่อข่าว ปี 1995-96
อ่านข่าวฟุตบอลเพิ่มเติมได้ที่ :: Cheerball345/football-history
อัพเดตข่าวสารเกี่ยวกับฟุตบอล และรับทีเด็ดฟรีก่อนใครได้แล้ววันนี้ที่ :: Cheerball345.com